Lacture



  บทที่ ออกแบบหน้าเว็บ Page Design

หลักสำคัญในการออกแบบหน้าเว็บ

          คือ การใช้รูปภาพและองค์ประกอบต่างๆ ร่วมกัน เพื่อสื่อความหมายเกี่ยวกับเนื้อหาหรือลักษณะสำคัญของเว็บให้น่าสนใจ บนพื้นฐานของความเรียบง่ายและสะดวกของผู้ใช้
หลักการออกแบบหน้าเว็บ
         1.สร้างลำดับชั้นความสำคัญขององค์ประกอบ
         2.สร้างรูปแบบ บุคลิก สไตล์
        3.สร้างความสม่ำเสมอตลอดทั่วทั้งไซต์
        4.จัดวางองค์ประกอบที่สำคัญไว้ในส่วนบนของหน้า
       5.สร้างจุดสนใจด้วยความแตกต่าง
       6.จัดแต่งหน้าเว็บให้เป็นระเบียบและเรียบง่าย
      7.ใช้กราฟิกอย่างเหมาะสม
เราสามารถใช้ประโยชน์จากเว็บได้2แนวทาง     1.การใช้เป็นสื่อโดยตรงให้อ่านบนหน้าจอ
     2.การใช้เป็นสื่อกลางในการพิมพ์ข้อมูลลงในหน้ากระดาษเพื่อเก็บรวบรวมหรืออ่านภายหลัง
รูปแบบโครงสร้างหน้าเว็บ แบ่งเป็น รูปแบบ
    1.โครงสร้างหน้าเว็บในแนวตั้ง ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีรูปแบบที่ง่ายในการพัฒนาและมีขข้อจำกัดน้อยสุดเมื่อเทียบกับรูปแบบอื่น
   2.โครงสร้างหน้าเว็บในแนวนอน ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์และความพยายามมากกว่าปรกติ เนื่องจากมีข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวังค่อนข้างมาก
    3.โครงสร้างหน้าเว็บที่พอดีหน้าจอ รูปแบบนี้ใช้พื้นที่น้อวกว่าเว็บทั่วไปและมักจะจัดอยู่ตรงกึ่งกลางของหน้าจอ จะไม่มี Scroll Bar
    4.โครงสร้างหน้าเว็บแบบสร้างสรรค์ รูปแบบนี้อยู่เหนือกฏเกณฑ์ มักมีรูปแบบและการจัดวางองค์ประกอบเฉพาะตัวที่คาดไม่ถึง มักจะเป็นเว็บของศิลปิน นักออกแบบ บริษัทโฆษณา
ส่วนประกอบของหน้าเว็บ แบ่งเป็น ส่วน
   1.ส่วนหัว (Page Header)
   2.ส่วนเนื้อหา (Page Body)
   3.ส่วนท้าย (Page Footer)



.....................................................................................


บทที่ 7  การออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะกับสิ่งแวดล้อม
Design for a variety of Web Environments

ปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการท่องเว็บไซต์
1.       เบราเซอร์ที่ใช้
2.       ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์
3.       ความละเอียดของหน้าจอ
4.       จำนวนสีที่จอของผู้ใช้สามารถแสดงได้
5.       ชนิดของตัวอักษรที่มีอยู่ในเครื่องของผู้ใช้
6.       ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
7.       ขนาดหน้าต่างเบราเซอร์
8.       ความสว่างและค่าความต่างของโทนสี
1.เบราเซอร์ที่ใช้
                 เบราเซอร์ที่ได้รับความนิยม  Internet Explorer,Netscape Navigator,The World,Opera,Mozilla,Firefox
การออกแบบเว็บไซต์ตามคุณสมบัติของเบราเซอร์
เว็บไซต์สำหรับเบราเซอร์ทุกรุ่น
เว็บไซต์สำหรับเบราเซอร์รุ่นล่าสุด
เว็บไซต์ตามความสามารถของเบราเซอร์
เว็บไซต์ที่มีหลายรูปแบบ
2. ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานของเบราเซอร์มาก โดยแต่ละระบบปฏิบัติการจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของชนิด และรุ่นของเบราเซอร์ที่ใช้ ระดับความระเอียดของหน้าจอ เป็นต้น
3. ความละเอียดของหน้าจอ
ความละเอียด 640*480 หมายถึง หน้าจอมีจุดพิกเซลเรียงตัวตามแนวนอน 640 พิกเซล และตามแนวตั้ง 480 พิกเซล   ความละเอียดหน้าจอจะไม่ขึ้นอยู่กับขนาดของมอนิเตอร์ที่ใช้ แต่จะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการ์ด
4. จำนวนสีที่จอของผู้ใช้สามารถแสดงได้
มอนิเตอร์สามารถแสดงสีที่แตกต่างกัน นอยู่กับประสิทธิภาพของการ์ดจอ
หน่วยความจำในการ์ดจอที่มากขึ้นจะทำให้สามารถแสดงสีได้มากขึ้น
จำนวนสีที่การ์ดจอสามารถแสดงได้ ขึ้นอยู่กับค่าความละเอียดของสีที่เรียกว่า bit depth หรือ color depth
ชุดสีสำหรับเว็บ หมายถึงชุดสีจำนวน 216 สีที่มีอยู่เหมือนกันในระบบปฏิบัติการ Windows และMac
5. ชนิดของตัวอักษรที่มีอยู่ในเครื่องของผู้ใช้
เบราเซอร์จะแสดงฟอนต์ที่กำหนดไว้ในเว็บเพจได้ก้ต่อเมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมีฟอนต์เหล่านั้นติดตั้งอยู่ในเครื่อง 
 MS Sans Serif  VS Microsoft Sans Serif
-MS Sans Serif เป็นฟอนต์แบบบิตแมพที่ออกแบบขึ้นจากจุดของพิกเซล โดยมีการออกแบบแต่ละตัวอักษรไว้เป็นขนาดที่แน่นอน
-  Microsoft Sans Serif เป็นฟอนต์ที่มีโครงสร้างของอักขระแบบเวคเตอร์หรือลายเส้นโดยมีการออกแบบเอาท์ไลน์ไว้เพียงแบบเดีแต่สามารถปรับขนาดได้อย่างไม่จำกัด
ข้อดี
   สามารถกำหนดลักษณะของตัวอักษรได้อย่างแน่นอน ทั้งขนาด สี และชนิด  
   ผู้ชมทุกคนจะมองเห็นเหมือนกันหมด
ข้อเสีย
    ใช้เวลาในการโหลดมากกว่า
   ลำบากในการแก้ไขและเปลี่ยนแปลง
6. ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
ความเร็วของเน็ตจะมีผลต่อการแสดงผลของเว็บ ซึ่งจะมีหลายระดับ
-  ผู้ใช้ตามบ้านส่วนใหญ่จะใช้ความเร็ว 5 kbps
ในหน่วยงานบางแห่งอาจจะใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง เข่น ADSL, Cable modem ซึ่งมีความเร็วตั้งแต่ 128 Kbps ถึง 10 Mbps
7. ขนาดหน้าต่างเบราเซอร์

ขนาดหน้าต่างของเบราเซอร์มีโอกาสที่จะถูกปรับเปลี่ยนเป็นเท่าไหร่ก็ได้ตามความต้องการของผู้ใช้


.....................................................................................

บทที่ 8 การเลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์



เลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์
       - สีสันในเว็บเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดึงดูดความสนใจของผู้ใช้เนื่องจากสิ่งแรกที่ผู้ใช้มองเห็นจากเว็บก็คือสีซึ่งเป็นสิ่งกำหนดบรรยากาศและความรู้สึกของเว็บไซต์
     - เราสามารถใช้สีกับทุกองค์ประกอบของเว็บเพจ ตั้งแต่รูปภาพ ตัวอักษร สีพื้นหลัง การใช้สีที่เหมาะสมจะช่วยในการสื่อความหมายของเนื้อหา
            - การใช้สีพื้นใกล้เคียงกับสีตัวอักษร บางครั้งอาจสร้างความลำบากในการอ่าน
            - การใช้สีที่มากเกินความจำเป็นอาจสร้างความสับสนให้กับผู้อ่าน
            - การใช้สีที่กลมกลืนกันช่วยให้เว็บไซต์น่าดูชมมากยิ่งขึ้น

ประโยชน์ของสีในเว็บไซต์
           -สามารถชักนำสายตาผู้อ่านให้ไปยังทุกบริเวณในหน้าเว็บเพจที่เราต้องการได้เช่นข้อมูลใหม่หรือโปรโมชั่นพิเศษ
          - สีช่วยเชื่อมโยงบริเวณที่ได้รับการออกแบบเข้าด้วยกัน
          - สีสามารถนำไปใช้ในการแบ่งบริเวณต่างๆ ออกจากกัน
          - สีสามารถใช้ในการดึงดูดความสามารถของผู้อ่าน
          - สีสามารถสร้างอารมณ์โดยรวมของเว็บเพจ
          -ช่วยสร้างระเบียบให้กับข้อความต่างๆเช่นใช้สีแยกระหว่างหัวเรื่องกับเนื้อเรื่อง
          - สามารถส่งเสริมเอกลักษณ์ขององค์กรหรือหน่วยงานนั้น ๆ   


การผสมสี(Color Mixing) มี2แบบ
1.การผสมแบบบวก(Additivemixing)
       จะเป็นรูปแบบการผสมของแสงไม่ใช่การผสมของวัตถุที่มีสีบนกระดาษ สามารถนำไปใช้ในสื่อใดๆที่ใช้แสงส่องออกมา เช่นจอโปรเจคเตอร์ทีวี


2.การผสมแบบลบ(Subtractive mixing)


     การผสมสีแบบนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแสง แต่เกี่ยวเนื่องกับการดูดกลืนและสะท้อนแสงของวัตถุต่างๆสามารถนำไปใช้ในสื่อที่เกี่ยวข้องกับการใช้วัตถุมีสี

เช่น ภาพวาดของศิลปิน รูปปั้น หรือ สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ





ความกลมกลืนของสี
        -  ความเป็นระเบียบของสีที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสมดุลและความสวยงามในเวลาเดียวกัน
 การใช้สีที่จืดชืดเกินไปจะทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าเบื่อและไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้
 การใช้สีที่มากเกินไปก็จะดูวุ่นวายขาดระเบียบและอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ชม
    -  เป้าหมายในเรื่องสีคือการนำเสนอเว็บไซต์โดยใช้ชุดสีในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายน่าสนใจ และสื่อความหมายได้อย่างเหมาะสม





รูปแบบชุดสีพื้นฐาน(SimpleColorSchemes)


1. ชุดสีร้อน (WarmColorScheme) 


         ประกอบด้วยสีม่วง,น้ำเงิน,น้ำเงินอ่อน,ฟ้า,ฟ้าเงินแกมเขียวและสีเขียวโดยจะให้ความรู้สึกเย็นสบายองค์ประกอบที่ใช้สีเย็นจะดูสุภาพเรียบร้อย


2. ชุดสีแบบเดียว(MonochromaticColorScheme)


           เป็นรูปแบบชุดสีที่ง่ายที่สุด คือมีค่าของสีบริสุทธิ์เพียงสีเดียวแต่เพิ่มความหลากหลายโดยการเพิ่มความเข้มอ่อนในระดับต่างๆ และชุดสีแบบนี้ค่อนข้างจะมีความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวแต่ในบางครั้งอาจทำให้ดูไม่มีชีวิตชีวาเพราะขาดความหลากหลายของสี


3. ชุดสีที่คล้ายคลึงกัน(AnalogousColorScheme)


         ประกอบด้วยสี 2หรือ 3สีที่ติดอยู่กันในวงล้อ สามารถเพิ่มเป็น4หรือ5สีได้แต่อาจส่งผลให้ขอบเขตของสีกว้างไป


4.ชุดสีตรงข้ามข้างเคียง(SplitComplementaryColorScheme)


          เป็นชุดสีที่เปลี่ยนแปลงมาจากชุดสีตรงข้ามและชุดสีแบบนี้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้นแต่จะมีผลให้ความสดใสความสะดุดตา และความเข้ากันของสีลดลงด้วย


5.ชุดสีตรงข้ามข้างเคียงทั้ง2ด้าน(DoubleSplitComplementaryColor Scheme)


         ดัดแปลงมาจากชุดสีตรงข้ามเช่นกันแต่สีตรงข้ามทั้ง2สีถูกแบ่งแยกเป็นสีด้านข้างทั้ง2ด้านและชุดสีแบบนี้มีความหลากหลายของสีที่มากขึ้นแต่จะมีความสดใสและกลมกลืนของสีที่ลดลง


6. ชุดสีเย็น(CoolColorScheme)


          เว็บเพจที่ใช้โทนสีเย็นให้บรรยากาศคล้ายทะเลรู้สึกเย็นสบาย


7.ชุดสีแบบสามเส้า(TriadicColorScheme)


        เป็นชุดสีที่อยู่ที่มุมของสามเหลี่ยมด้านเท่าทั้งสาม ซึ่งเป็นสีที่มีระยะห่างในวงล้อสีเท่ากันจึงมีความเข้ากันอย่างลงตัว


8. ชุดสีตรงข้าม(ComplementaryColorScheme)


      คือสีที่อยู่ตรงข้ามกันในวงล้อสีเมื่อนำสีทั้งสองมาใช้คู่กันจะทำให้สีทั้งสองมีความสว่างและสดใสมากขึ้น



.................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น